อินเดียเปรมปรีดิ์กับน้ำมันราคาลดแหลกของรัสเซีย จนไม่ใส่ใจแรงบีบคั้นโน้มน้าวของฝ่ายตะวันตก

นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ของอินเดีย จับมือแตะแขนประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย
ทันโลกข่าวต่างประเทศ ก่อนหน้าการหารือของผู้นำทั้งสอง ที่กรุงนิวเดลี, อินเดีย เมื่อ 6 ธ.ค. 2021อินเดียยังคงท้าทายมาตรการแซงก์ชันของฝ่ายตะวันตกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการซื้อหาน้ำมันรัสเซียที่ได้ลดราคาลงมาอย่างแรง จนทำให้ในปีที่แล้วน้ำมันแดนหมีขาวมีสัดส่วนในน้ำมันนำเข้าทั้งหมดของนิวเดลี จาก 2% พุ่งพรวดขึ้นเป็น 23%ในการไปเยือนกรุงมอสโก [1] ของเขาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศ สุพรหมณยัม ชัยศังกร ของอินเดีย กล่าวย้ำว่า “อินเดียจะซื้อน้ำมันรัสเซียอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมันเป็นผลดีสำหรับประเทศของเรา”การซื้อน้ำมันรัสเซียเป็นผลดีทั้งทางเศรษฐกิจและทางยุทธศาสตร์สำหรับอินเดีย น้ำมันรัสเซียขายกันด้วยราคาที่ให้ส่วนลด ซึ่งเป็นประโยชน์แก่อินเดีย เนื่องจากแดนภารตะต้องนำเข้าน้ำมันถึง 85% ของที่ตนเองบริโภคการซื้อน้ำมันของอินเดียยังเป็นการช่วยเหลือให้เศรษฐกิจของรัสเซียมีความมั่นคงท่ามกลางการแซงก์ชันของฝ่ายตะวันตกสืบเนื่องจากสงครามในยูเครน อินเดียนั้นมองรัสเซียว่าเป็น “หุ้นส่วนที่มีความสม่ำเสมอและผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน” และยินดีต้อนรับระเบียบโลกแบบหลายขั้ว [2] ที่รวมเอารัสเซียเข้าไปด้วย จุดยืนเช่นนี้มีความขัดแย้งตรงกันข้าม [3] กับพวกประเทศตะวันตกจำนวนมากซึ่งต้องการเห็นรัสเซียประสบความปราชัยพ่ายแพ้เมื่อตอนที่มาตรการแซงก์ชันของฝ่ายตะวันตกเริ่มทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียกลายเป็นอัมพาตในเดือนเมษายนปีที่แล้ว มอสโกได้เสนอลดราคาน้ำมัน [4] ที่จะขายให้แก่อินเดียลงมาอย่างมากมายถึง 35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลจากราคาก่อนเกิดสงคราม รัสเซียยังเป็นฝ่ายริเริ่มในการตกลงเห็นชอบให้รื้อฟื้นกลไกการค้าใช้สกุลเงิน “รูปี-รูเบิล” ในยุคสงครามเย็นขึ้นมาใหม่ ซึ่งจะช่วยให้แดนหมีขาวสามารถข้ามลอดการถูกแซงก์ชันได้
จากนั้นรัสเซียมีส่วนแบ่งในน้ำมันนำเข้าของอินเดียพุ่งพรวดพราด [5] จากระดับแค่ 2% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 กลายเป็น 23% ในเดือนพฤศจิกายน และขึ้นเป็นแชมป์อันดับ 1
ทันโลกข่าวต่างประเทศ ของประเทศที่ขายน้ำมันให้แดนภารตะ แซงหน้าทั้งอิรัก และซาอุดีอาระเบีย อันที่จริงอินเดียแทบไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากน้ำมันจากเอเชียตะวันตกหันเหออกไปหาตลาดยุโรปกันเป็นแถว เพื่อช่วยคลายผลกระทบจากการที่บรรดาเศรษฐกิจของยุโรปกำลังหย่าร้างแยกขาดจากรัสเซียเครื่องขุดเจาะน้ำมันเครื่องหนึ่งในแหล่งน้ำมันและก๊าซ ที่แคว้นครัสโนดาร์ (Krasnodar) ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคคอเคซัสเหนือ ทางภาคใต้ของรัสเซีย ครัสโนดาร์ถือเป็นแคว้นผลิตน้ำมันเก่าแก่ที่สุดของแดนหมีขาว (ภาพจากสำนักข่าวสปุตนิก)เครื่องขุดเจาะน้ำมันเครื่องหนึ่งในแหล่งน้ำมันและก๊าซ ที่แคว้นครัสโนดาร์ (Krasnodar) ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคคอเคซัสเหนือ ทางภาคใต้ของรัสเซีย ครัสโนดาร์ถือเป็นแคว้นผลิตน้ำมันเก่าแก่ที่สุดของแดนหมีขาว (ภาพจากสำนักข่าวสปุตนิก)อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติแล้ว รัสเซียยังคงมีความลังเลที่จะใช้ประโยชน์จากกลไกรูปี-รูเบิล สำหรับการซื้อขายน้ำมัน สืบเนื่องจากความไม่สมดุลทางค้าที่มีกับอินเดียซึ่งกำลังเริ่มปรากฏให้เห็น ดังนั้น รัสเซียจึงขอให้อินเดียชำระเป็นเงินสกุลยูโร หรือเงินสกุลเดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ข้อพิพาทไม่ลงรอยกันข้อนี้ยังคงไม่ได้รับการแก้ไขคลี่คลาย [6] ดังนั้น จึงยังคงมีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในการทำธุรกรรมน้ำมันรัสเซียอินเดียมีฐานะเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก การที่น้ำมันจากแหล่งที่มาแต่เดิมทั้งหลายของอินเดีย เกิดหันเหไปยังพวกประเทศยุโรปซึ่งมีเศรษฐกิจที่ก้าวหน้ากว่า ย่อมอาจนำไปสู่การแข่งขันแย่งชิงกันและทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีศักยภาพที่จะสร้างความหายนะให้แก่เศรษฐกิจของอินเดียที่อยู่ในสภาพยากลำบากอยู่แล้ว
แนะนำทันโลกข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : ดับฝันเซเลนสกี! เยอรมนียันไม่ส่งเครื่องบินรบให้ยูเครน ขอเลี่ยงสงครามนาโต้-รัสเซีย